เศรษฐศาสตร์ของการจัดการขยะ

เศรษฐศาสตร์ของการจัดการขยะ:

การสมดุลระหว่างความยั่งยืนและประสิทธิภาพต้นทุน

รศ.ดร. ณดา จันทร์สม

คณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์

nada@nida.ac.th

          “ขยะ” เป็นสิ่งใกล้ตัวที่นับวันจะเป็นปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น จากรายงานของกรมควบคุมมลพิษในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2553-2556) พบว่า ปริมาณขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้นประเทศไทยมีลักษณะคงตัวอยู่ที่ระดับ 24.22–28.71 ล้านตันต่อปี[1] โดยในปี 2566 มีปริมาณขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้น 26.95  ล้านตันต่อปี โดยมีปริมาณขยะมูลฝอยทีที่ถูกนำกลับมาใช้ประโยชน์ 9.31 ล้านตัน ปริมาณขยะมูลฝอยที่ถูกกำจัดถูกต้อง 10.17 ล้านตัน และปริมาณขยะมูลฝอยที่ถูกกำจัดไม่ถูกต้อง 7.47 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ  27.7   ของปริมาณขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้นทั้งหมด โดยมีปริมาณขยะมูลฝอยตกค้าง 27.62 ล้านตัน[2] ขยะส่วนนี้จะก่อให้เกิดปัญหาตามมาอย่างมาก เป็นแหล่งเชื้อโรคสะสม การรั่วไหลของขยะออกสู่ทะเลกลายเป็นขยะทะเล รวมถึงการสะสมของไมโครพลาสติกในอาหารทะเล 

เศรษฐศาสตร์ของการจัดการขยะ

หลักการของการจัดการขยะ ครอบคลุมการจัดสรรทรัพยากรเพื่อจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งรวมถึง ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บ การขนส่ง การกำจัด รวมถึงการรีไซเคิลนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่จากวัสดุเหลือใช้หรือขยะ  เป้าหมายของการจัดการขยะมีความสอดคล้องกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนทุกมิติทั้งเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม เศรษฐศาสตร์ของการจัดการขยะเจาะลึกถึงผลกระทบทางการเงิน สิ่งแวดล้อม และสังคมของวิธีจัดการขยะที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องที่ต้องการความสมดุลระหว่างเป้าหมายความยั่งยืนและประสิทธิภาพด้านต้นทุน 

ประเทศไทยมี Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561-2573 โดยเป้าหมายสูงสุดของ Roadmap นี้คือ การนำขยะพลาสติกเป้าหมายกลับมาใช้ประโยชน์ร้อยละ 100 ภายในปี 2570 ภายใต้ Roadmap นี้ได้แบ่งแผนปฏิบัติการออกเป็นทั้งหมด 3 ระยะด้วยกัน คือ ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2561-2562) ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2563-2565) และระยะที่ 3 (พ.ศ. 2566-2573) ซึ่งทั้ง 3 ระยะนั้นจะดำเนินมาตรการลดการเกิดขยะพลาสติกที่แหล่งกำเนิด มาตรการลด เลิกใช้พลาสติกในขั้นตอนการบริโภค และมาตรการจัดการขยะพลาสติกหลังการบริโภค หากประเทศไทยสามารถดำเนินการตาม Roadmap การจัดการขยะพลาสติก และแผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561-2573 ให้บรรลุได้ตามเป้าหมาย จะสามารถลดปริมาณขยะพลาสติกที่ต้องนำไปกำจัดได้ประมาณ 0.78 ล้านตันต่อปี และสามารถประหยัดงบประมาณในการจัดการขยะมูลฝอยได้ประมาณ 3,900 ล้านบาทต่อปี ซึ่งในการดำเนินงานให้บรรลุหมายนั้นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคของประชาชนที่จะมีบทบาทอย่างมากตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ยกตัวอย่างเช่น การเลือกซื้อ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจนกระทั่งการส่งคืนซากเมื่อใช้งานเสร็จสิ้นแล้ว หรือ แม้แต่การตัดวงจรการเกิดขยะโดยการลดการใช้ การใช้ซ้ำ เป็นต้น ซึ่งถือว่าเป็นภาคประชาชนมีส่วนสำคัญที่สามารถช่วยให้การขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการนี้สำเร็จตามเป้าหมาย[3]

ต้นทุนของการจัดการขยะ

การจัดเก็บและการขนส่ง:  หนึ่งในต้นทุนหลักในการจัดการของเสียคือการรวบรวมและขนส่งของเสียจากครัวเรือนธุรกิจและโรงงานอุตสาหกรรมไปยังสถานที่บําบัดหรือสถานที่กําจัด ประเด็นหลักเกี่ยวข้องกับกําลังคน อุปกรณ์ เชื้อเพลิง และค่าบํารุงรักษาการ

การบําบัดและการกําจัด  วิธีการบําบัดและกําจัดของเสียแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของขยะและกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง การฝังกลบ การเผา การทําปุ๋ยหมัก และการรีไซเคิล ซึ่งแต่ละวิธีมีต้นทุนที่เกี่ยวข้องเฉพาะ ตัวอย่างเช่น การฝังกลบต้องมีการบํารุงรักษาและการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม ในขณะที่การรีไซเคิลเกี่ยวข้องกับการคัดแยก การแปรรูป และค่าขนส่ง
ค่าใช้จ่ายด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายทางการเงินโดยตรงแล้วยังมีต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมที่เกี่ยวข้องกับการจัดการขยะไม่เหมาะสม เช่น การทําลายแหล่งที่อยู่อาศัย ความเสี่ยงต่อสุขภาพ และคุณภาพชีวิตที่ลดลงสําหรับชุมชนใกล้แหล่งขยะ

ความท้าทายในเศรษฐศาสตร์ของการจัดการขยะ

ของเสีย จำนวนประชากรทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นและรูปแบบการบริโภคส่งผลให้อัตราการสร้างของเสียเพิ่มขึ้น การจัดการปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้นนี้ต้องใช้ทางออกที่เป็นนวัตกรรมและการจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ

เทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐาน การใช้เทคโนโลยีการจัดการขยะขั้นสูงและการสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการรวบรวมและบำบัดขยะมีค่าใช้จ่ายสูง ประเทศกำลังพัฒนามักเผชิญกับความท้าทายในการเข้าถึงและมีระบบการจัดการขยะสมัยใหม่

การปฏิบัติตามกฎระเบียบ การจัดการขยะได้รับการควบคุมอย่างเข้มงวดเพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อม การปฏิบัติตามกฎระเบียบจะเพิ่มความซับซ้อนและต้นทุนให้กับการดำเนินการจัดการของเสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับของเสียที่เป็นอันตรายหรือเฉพาะทาง

ปัจจัยด้านพฤติกรรม การส่งเสริมสนับสนุนพฤติกรรมในการลดของเสีย การรีไซเคิล และการกำจัดของเสียอย่างเหมาะสมระหว่างบุคคล ธุรกิจ และอุตสาหกรรม ถือเป็นความท้าทายอย่างต่อเนื่อง การศึกษา การสร้างสิ่งจูงใจ และการรับรู้ของสาธารณะมีบทบาทในการกำหนดพฤติกรรม

กลยุทธ์เศรษฐศาสตร์การจัดการขยะอย่างยั่งยืน

การลดของเสียให้เหลือน้อยที่สุด วิธีการที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการลดต้นทุนการจัดการของเสียคือการลดของเสียที่แหล่งกำเนิดให้น้อยที่สุด ซึ่งรวมถึงการออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อการรีไซเคิล การส่งเสริมบรรจุภัณฑ์ที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ และการนำกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพซึ่งสร้างของเสียน้อยลง

การรีไซเคิลและเศรษฐกิจหมุนเวียน การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานการรีไซเคิลและการส่งเสริมแบบจำลองเศรษฐกิจหมุนเวียนที่วัสดุถูกนำมาใช้ซ้ำและรีไซเคิลสามารถลดของเสียที่ถูกส่งไปยังหลุมฝังกลบหรือเตาเผาได้อย่างมาก แนวทางนี้ไม่เพียงแต่อนุรักษ์ทรัพยากร แต่ยังสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจผ่านตลาดรองสำหรับวัสดุเหลือใช้หรือวัสดุจากขยะได้อีกด้วย

นวัตกรรมทางเทคโนโลยี ความก้าวหน้าในเทคโนโลยีการบำบัดของเสีย เช่น การย่อยแบบไม่ใช้ออกซิเจนสำหรับขยะอินทรีย์ หรือการทำให้เป็นแก๊สในพลาสมาสำหรับของเสียอันตราย สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ อย่างไรก็ตาม การนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้จะต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าและความสามารถในการขยายผลในวงกว้างด้วย

ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานภาคเอกชน และองค์กรภาคประชาสังคมสามารถขับเคลื่อนนวัตกรรมและการลงทุนในแนวปฏิบัติการจัดการขยะอย่างยั่งยืน ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนสามารถแบ่งปันความเชี่ยวชาญ เงินทุน และทรัพยากรเพื่อจัดการกับความท้าทายของขยะที่ซับซ้อน

สิ่งจูงใจทางเศรษฐกิจ การใช้เครื่องมือทางเศรษฐกิจ เช่น ภาษีหลุมฝังกลบ (Landfill Tax) ค่าธรรมเนียมการจัดการขยะจากปริมาณ (pay-as-you-throw) ความรับผิดชอบของผู้ผลิต สร้างแรงจูงใจในการลดของเสีย การรีไซเคิล และการกำจัดอย่างรับผิดชอบ สิ่งจูงใจเหล่านี้ทำให้ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจสอดคล้องกับเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม

          การจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อตอบสนองต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน เป็นเรื่องเร่งด่วนหนึ่งที่ต้องได้รับการขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบและเกิดผลเป็นรูปธรรม ทุกภาคส่วนต้องมีส่วนร่วม โดยต้องพัฒนาความรู้ ปรับทัศนคติ และนำไปสู่พฤติกรรมที่พึงประสงค์ต่อการไม่สร้างและการจัดการขยะอย่างถูกต้อง เริ่มต้นแรกจากระดับบุคคล ต่อไปการรณรงค์ที่เกี่ยวข้องกับขยะ คงต้องปรับเปลี่ยนจาก “ขยะในมือท่าน ลงถังเถอะครับ” เป็น “ลดการสร้างขยะ เลี่ยงไม่ได้ จัดการขยะของท่านให้ถูกทางเถอะครับ”  


[1]สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม https://bit.ly/3UhWVfS

[2] กรมควบคุมมลพิษ รายงานสถานการณ์ / รายงานประจำปี – Pollution Control Department (pcd.go.th)

[3] กรมควบคุมมลพิษ Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561-2573 https://bit.ly/3JJ3tz6